ลักษณะสำคัญของเสียงรบกวนจากอุตสาหกรรม
- ความเข้มของเสียง: สภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมสามารถก่อให้เกิดเสียงระดับสูงจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ และอุปกรณ์หนัก ซึ่งอาจทำลายการได้ยินหากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม
- ความถี่ของเสียง: เสียงอุตสาหกรรมประกอบด้วยความถี่ทั้งสูงและต่ำ โดยลักษณะของเสียงขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิด
- ระยะเวลา: เสียงรบกวนอาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นช่วง ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะการดำเนินงาน
ผลกระทบของเสียงรบกวนในอุตสาหกรรม
- ต่อสุขภาพ: การสัมผัสเสียงระดับสูงเป็นเวลานานอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน ความเครียด ความผิดปกติในการนอนหลับ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
- ต่อชุมชน: เสียงจากกิจกรรมอุตสาหกรรมสามารถรบกวนการดำรงชีวิตของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง และกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม
กฎหมายและข้อกำหนด
หลายประเทศรวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานระดับเสียงในที่ทำงาน เช่น ค่าระดับเสียงเฉลี่ยไม่ควรเกิน 85 เดซิเบล (dB) สำหรับช่วงเวลาการทำงานปกติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพคนงาน
แนวทางในการควบคุมเสียงรบกวนจากอุตสาหกรรม
- ใช้วัสดุกันเสียง: เช่น ผ้าห่มเก็บเสียงหรือแผงซับเสียง
- ควบคุมที่ต้นทาง: ปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรให้มีเสียงน้อยลง
- บำรุงรักษาอุปกรณ์: เพื่อลดการสั่นสะเทือนหรือการเสียดสีที่ก่อให้เกิดเสียง
- ติดตั้งสิ่งกีดขวางเสียง: เช่น กำแพงหรือแนวต้นไม้เพื่อกันเสียงไปยังชุมชนภายนอก
มลพิษทางเสียงในอุตสาหกรรมคืออะไร?
มลพิษทางเสียงในอุตสาหกรรมหมายถึงเสียงที่มากเกินไปและก่อกวนที่เกิดจากกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของมนุษย์ และคุณภาพชีวิตโดยรวม คําว่า “มลพิษ” ในบริบทนี้มีความสําคัญเนื่องจากเน้นย้ําถึงผลกระทบด้านลบของเสียงรบกวนต่อสิ่งแวดล้อมของเราในด้านต่างๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์
ด้วยการรวมคําว่า “มลพิษ” เราเน้นย้ําว่าเสียงอุตสาหกรรมไม่ใช่เสียงธรรมดาหรือไม่เป็นอันตราย แต่เป็นรูปแบบของการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมที่ขัดขวางความสมดุลของเสียงปกติ การใช้คําว่า “มลพิษ” เน้นย้ําถึงความจริงที่ว่าเสียงนี้เป็นผลพลอยได้ที่ไม่พึงปรารถนาของอุตสาหกรรม คล้ายกับมลพิษในรูปแบบอื่นๆ เช่น มลพิษทางอากาศหรือมลพิษทางน้ํา
ประเภทของเสียงรบกวนในอุตสาหกรรม
- เสียงในอากาศ: แพร่กระจายผ่านอากาศ เช่น เสียงเครื่องจักร เสียงโลหะกระทบกัน
- เสียงโครงสร้าง: ถ่ายทอดผ่านโครงสร้าง เช่น พื้น ผนัง หรือเพดาน จากการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร
- เสียงที่เกิดจากของเหลว: เช่น เสียงไหลของของเหลวหรือก๊าซในท่อ
- เสียงความยืดหยุ่น: เกิดจากวัสดุที่เปลี่ยนรูปร่างภายใต้แรงดันหรือตอบสนองต่ออุณหภูมิ
ตัวอย่างแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนในอุตสาหกรรม
- เครื่องจักรกลหนักในโรงงานหรือสถานที่ก่อสร้าง
- โรงไฟฟ้า (กังหัน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ระบบระบายความร้อน)
- สถานที่ก่อสร้าง (การเจาะ ตอก เสาเข็ม)
- สนามบิน ท่าเรือ และลานรถไฟ
- การทำเหมืองแร่หรือเหมืองหิน
- โรงงานผลิต เช่น โรงงานโลหะ เคมี ซีเมนต์
- อุตสาหกรรมสิ่งทอ ยานยนต์ และการผลิตโลหะ
ระดับเสียงทั่วไปในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม
สภาพแวดล้อม | ระดับเสียงโดยประมาณ (dB) |
---|---|
สำนักงาน | 35 – 50 |
การสนทนาปกติ | 60 – 70 |
การผลิตเบา | 70 – 85 |
อุตสาหกรรมหนัก | 80 – 115 |
สถานที่ก่อสร้าง | 90 – 110 |
เครื่องมือไฟฟ้า | 100 – 110 |
การผลิตโลหะ | 100 – 115 |
สนามบิน | 120 – 140 |
อุปกรณ์ก่อสร้างหนัก | 110 – 130 |
วิธีป้องกันเสียงรบกวนจากอุตสาหกรรมและการปกป้องพนักงาน
เพื่อป้องกันเสียงรบกวนในภาคอุตสาหกรรมและรักษาความปลอดภัยด้านสุขภาพของพนักงาน จำเป็นต้องมีการดำเนินมาตรการอย่างครอบคลุม โดยนายจ้างควรให้ความสำคัญกับ การควบคุมทางเทคนิค เพื่อ ลดเสียงรบกวนตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งอาจรวมถึงการเลือกใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีระดับเสียงต่ำ ติดตั้งเทคโนโลยีลดเสียง เช่น ฝาครอบเก็บเสียง, กำแพงกันเสียง, และการแยกพื้นที่ที่มีเสียงดังออกจากบริเวณทำงานหลัก
นอกจากนี้ควรดำเนิน มาตรการด้านการบริหารจัดการ (Administrative Controls) เช่น การจำกัดระยะเวลาที่พนักงานต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดัง การหมุนเวียนงานให้พนักงานทำงานในจุดที่มีเสียงรบกวนน้อย รวมถึงการอบรมและให้ความรู้เรื่องความเสี่ยงของเสียงต่อสุขภาพ และการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น ที่อุดหู หรือที่ครอบหู เพื่อรักษาสุขภาพการได้ยินของพนักงานในระยะยาว
การเริ่มต้นมาตรการป้องกันควรเริ่มจาก การประเมินระดับเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบการอย่างละเอียด โดยการวัดระดับเสียงในแต่ละพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลและระบุแหล่งกำเนิดเสียงหลัก จากนั้นจึงสามารถวางแผนควบคุมเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป
เสียงรบกวนจากอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่ความรำคาญ แต่ถือเป็นมลพิษที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ มนุษย์ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม การตระหนักรู้และนำมาตรการควบคุมเสียงมาใช้เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและลดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม