⚙️ ISO 9001:2015 Certified ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและ ควบคุมมลพิษทางเสียง
⚙️ ISO 9001:2015 Certified ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและ ควบคุมมลพิษทางเสียง

เสียงรบกวนจากอุตสาหกรรม: ลักษณะ ผลกระทบ และแนวทางการควบคุม

เสียงรบกวนจากอุตสาหกรรม ลักษณะ ผลกระทบ และแนวทางการควบคุม noisecontrolpro
มลพิษทางเสียงในภาคอุตสาหกรรม หมายถึง เสียงที่ไม่พึงประสงค์หรือมีระดับสูงเกินไปที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายในภาคอุตสาหกรรม เช่น โรงงาน สถานประกอบการผลิต สถานที่ก่อสร้าง โรงไฟฟ้า สนามบิน หรือท่าเรือ เสียงเหล่านี้มักเป็นผลพลอยได้จากเครื่องจักร อุปกรณ์ และกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท

ลักษณะสำคัญของเสียงรบกวนจากอุตสาหกรรม

  1. ความเข้มของเสียง: สภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมสามารถก่อให้เกิดเสียงระดับสูงจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ และอุปกรณ์หนัก ซึ่งอาจทำลายการได้ยินหากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม
  2. ความถี่ของเสียง: เสียงอุตสาหกรรมประกอบด้วยความถี่ทั้งสูงและต่ำ โดยลักษณะของเสียงขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิด
  3. ระยะเวลา: เสียงรบกวนอาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นช่วง ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะการดำเนินงาน

ผลกระทบของเสียงรบกวนในอุตสาหกรรม

  • ต่อสุขภาพ: การสัมผัสเสียงระดับสูงเป็นเวลานานอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน ความเครียด ความผิดปกติในการนอนหลับ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
  • ต่อชุมชน: เสียงจากกิจกรรมอุตสาหกรรมสามารถรบกวนการดำรงชีวิตของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง และกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม

กฎหมายและข้อกำหนด

หลายประเทศรวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานระดับเสียงในที่ทำงาน เช่น ค่าระดับเสียงเฉลี่ยไม่ควรเกิน 85 เดซิเบล (dB) สำหรับช่วงเวลาการทำงานปกติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพคนงาน

แนวทางในการควบคุมเสียงรบกวนจากอุตสาหกรรม

  1. ใช้วัสดุกันเสียง: เช่น ผ้าห่มเก็บเสียงหรือแผงซับเสียง
  2. ควบคุมที่ต้นทาง: ปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรให้มีเสียงน้อยลง
  3. บำรุงรักษาอุปกรณ์: เพื่อลดการสั่นสะเทือนหรือการเสียดสีที่ก่อให้เกิดเสียง
  4. ติดตั้งสิ่งกีดขวางเสียง: เช่น กำแพงหรือแนวต้นไม้เพื่อกันเสียงไปยังชุมชนภายนอก

 

มลพิษทางเสียงในอุตสาหกรรมคืออะไร?

มลพิษทางเสียงในอุตสาหกรรมหมายถึงเสียงที่มากเกินไปและก่อกวนที่เกิดจากกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของมนุษย์ และคุณภาพชีวิตโดยรวม คําว่า “มลพิษ” ในบริบทนี้มีความสําคัญเนื่องจากเน้นย้ําถึงผลกระทบด้านลบของเสียงรบกวนต่อสิ่งแวดล้อมของเราในด้านต่างๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์

ด้วยการรวมคําว่า “มลพิษ” เราเน้นย้ําว่าเสียงอุตสาหกรรมไม่ใช่เสียงธรรมดาหรือไม่เป็นอันตราย แต่เป็นรูปแบบของการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมที่ขัดขวางความสมดุลของเสียงปกติ การใช้คําว่า “มลพิษ” เน้นย้ําถึงความจริงที่ว่าเสียงนี้เป็นผลพลอยได้ที่ไม่พึงปรารถนาของอุตสาหกรรม คล้ายกับมลพิษในรูปแบบอื่นๆ เช่น มลพิษทางอากาศหรือมลพิษทางน้ํา

ประเภทของเสียงรบกวนในอุตสาหกรรม

  1. เสียงในอากาศ: แพร่กระจายผ่านอากาศ เช่น เสียงเครื่องจักร เสียงโลหะกระทบกัน
  2. เสียงโครงสร้าง: ถ่ายทอดผ่านโครงสร้าง เช่น พื้น ผนัง หรือเพดาน จากการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร
  3. เสียงที่เกิดจากของเหลว: เช่น เสียงไหลของของเหลวหรือก๊าซในท่อ
  4. เสียงความยืดหยุ่น: เกิดจากวัสดุที่เปลี่ยนรูปร่างภายใต้แรงดันหรือตอบสนองต่ออุณหภูมิ

ตัวอย่างแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนในอุตสาหกรรม

  • เครื่องจักรกลหนักในโรงงานหรือสถานที่ก่อสร้าง
  • โรงไฟฟ้า (กังหัน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ระบบระบายความร้อน)
  • สถานที่ก่อสร้าง (การเจาะ ตอก เสาเข็ม)
  • สนามบิน ท่าเรือ และลานรถไฟ
  • การทำเหมืองแร่หรือเหมืองหิน
  • โรงงานผลิต เช่น โรงงานโลหะ เคมี ซีเมนต์
  • อุตสาหกรรมสิ่งทอ ยานยนต์ และการผลิตโลหะ

ระดับเสียงทั่วไปในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม

สภาพแวดล้อม ระดับเสียงโดยประมาณ (dB)
สำนักงาน 35 – 50
การสนทนาปกติ 60 – 70
การผลิตเบา 70 – 85
อุตสาหกรรมหนัก 80 – 115
สถานที่ก่อสร้าง 90 – 110
เครื่องมือไฟฟ้า 100 – 110
การผลิตโลหะ 100 – 115
สนามบิน 120 – 140
อุปกรณ์ก่อสร้างหนัก 110 – 130

วิธีป้องกันเสียงรบกวนจากอุตสาหกรรมและการปกป้องพนักงาน

เพื่อป้องกันเสียงรบกวนในภาคอุตสาหกรรมและรักษาความปลอดภัยด้านสุขภาพของพนักงาน จำเป็นต้องมีการดำเนินมาตรการอย่างครอบคลุม โดยนายจ้างควรให้ความสำคัญกับ การควบคุมทางเทคนิค เพื่อ ลดเสียงรบกวนตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งอาจรวมถึงการเลือกใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีระดับเสียงต่ำ ติดตั้งเทคโนโลยีลดเสียง เช่น ฝาครอบเก็บเสียง, กำแพงกันเสียง, และการแยกพื้นที่ที่มีเสียงดังออกจากบริเวณทำงานหลัก

นอกจากนี้ควรดำเนิน มาตรการด้านการบริหารจัดการ (Administrative Controls) เช่น การจำกัดระยะเวลาที่พนักงานต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดัง การหมุนเวียนงานให้พนักงานทำงานในจุดที่มีเสียงรบกวนน้อย รวมถึงการอบรมและให้ความรู้เรื่องความเสี่ยงของเสียงต่อสุขภาพ และการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น ที่อุดหู หรือที่ครอบหู เพื่อรักษาสุขภาพการได้ยินของพนักงานในระยะยาว

การเริ่มต้นมาตรการป้องกันควรเริ่มจาก การประเมินระดับเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบการอย่างละเอียด โดยการวัดระดับเสียงในแต่ละพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลและระบุแหล่งกำเนิดเสียงหลัก จากนั้นจึงสามารถวางแผนควบคุมเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป

เสียงรบกวนจากอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่ความรำคาญ แต่ถือเป็นมลพิษที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ มนุษย์ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม การตระหนักรู้และนำมาตรการควบคุมเสียงมาใช้เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและลดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม

NTi เพราะเราเข้าใจ เสียงรบกวน ยินดีให้บริการ

ติดตั้ง แผ่นกันเสียง , ฉนวนกันเสียง , ผนังกันเสียง

บริการออกแบบ
และติดตั้งระบบกันเสียง

ติดตั้งในบ้าน สำนักงาน สตูดิโอ ห้องประชุม คอนโด ฯลฯ

ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ
ปัญหาเสียงรบกวน

เลือกแผ่นกันเสียงที่เหมาะสมกับพื้นที่ ประเมินหน้างาน

วิเคราะห์เสียงและแก้ไข
ปัญหาเสียงรบกวน

ตรวจสอบและวิเคราะห์ระดับเสียงในพื้นที่ และมาตรการป้องกันเสียงรบกวน

บริการสั่งทำพิเศษเฉพาะ​
แผ่นกันเสียง

ผลิตแผ่นกันเสียงตามขนาดให้เหมาะกับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง

บริการหลังการขาย
ซ่อมบำรุงแผ่นกันเสียง

การรับประกันสินค้าและการเคลมสินค้า บำรุงรักษาหรือซ่อมแซมผนังกันเสียง

ติดต่อเรา