วิธีการทดสอบเสียงสะท้อนในห้อง
1. การทดสอบแบบง่าย (Hand Clap Test)
วิธีทำ: ปรบมือหนึ่งครั้งแล้วสังเกตเสียงที่สะท้อนกลับ
ผลลัพธ์:
ถ้าได้ยินเสียง “ก้อง” ยาวนาน แสดงว่าห้องมีเสียงสะท้อนสูง
ถ้าเสียงหายไปเร็ว แสดงว่าห้องมีการดูดซับเสียงที่ดี
2. การวัดค่าการสะท้อนของเสียง (Reverberation Time – RT60)
RT60 คือค่าระยะเวลาที่เสียงลดลง 60 เดซิเบล (dB) หลังจากแหล่งกำเนิดเสียงหยุด
เครื่องมือที่ใช้:
เครื่องวัดเสียง (Sound Level Meter – SLM)
เครื่องกำเนิดเสียง (Omnidirectional Speaker หรือ Clap Board)
ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เสียง เช่น REW (Room EQ Wizard), Audacity
วิธีการวัด:
1. ปล่อยเสียงทดสอบ เช่น เสียงระเบิด (Impulse Sound) หรือ สัญญาณพัลส์ (Pink Noise, White Noise)
2.ใช้เครื่องวัดเสียงบันทึกค่าระยะเวลาที่เสียงลดลง 60 dB
3.ซอฟต์แวร์จะคำนวณค่า RT60 เพื่อประเมินปริมาณเสียงสะท้อน
ค่า RT60 ที่เหมาะสม:
ห้องประชุม / ห้องเรียน = 0.6 – 1.2 วินาที
สตูดิโอบันทึกเสียง = 0.3 – 0.6 วินาที
โบสถ์ / ห้องแสดงดนตรี = 1.5 – 2.5 วินาที
ห้องโรงยิม / ฮอลล์ใหญ่ = 2.5 – 4.0 วินาที
ถ้าค่า RT60 สูงเกินไป แสดงว่าห้องมีเสียงก้องมากเกินไป และต้องเพิ่มวัสดุซับเสียง
3. การใช้แอปพลิเคชันมือถือ
ปัจจุบันมีแอปที่ช่วยวัดค่าเสียงสะท้อน เช่น
“Decibel X” (iOS/Android) – ใช้เป็นเครื่องวัดระดับเสียง
“Room EQ Wizard (REW)” – ซอฟต์แวร์ฟรีสำหรับวิเคราะห์ค่าความก้องของห้อง
“Acoustic RTA” – วิเคราะห์ค่าเสียงแบบเรียลไทม์
🔹 วิธีลดเสียงสะท้อนภายในห้อง
🔸 ติดตั้งแผ่นซับเสียง (Acoustic Panels) – ใช้โฟมอะคูสติก แผ่นใยแก้ว หรือฉนวนซับเสียง
🔸 เพิ่มพรมหรือผ้าม่าน – วัสดุเนื้อนุ่มช่วยลดเสียงสะท้อน
🔸 ติดตั้ง Bass Traps – ลดเสียงก้องที่เกิดจากคลื่นเสียงความถี่ต่ำ
🔸 ใช้เฟอร์นิเจอร์ดูดซับเสียง – โซฟา ชั้นวางของ หรือผนังไม้ช่วยกระจายและลดเสียงสะท้อน
🎯 สรุป
•การทดสอบเสียงสะท้อนภายในห้องช่วยวิเคราะห์ว่าห้องมีเสียงก้องเกินไปหรือไม่
•ค่าที่สำคัญคือ RT60 ซึ่งควรอยู่ในช่วงที่เหมาะสมตามลักษณะการใช้งานของห้อง
•สามารถลดเสียงสะท้อนด้วยการติดตั้ง วัสดุซับเสียง และ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างห้อง
📌 ต้องการปรับปรุงอะคูสติกภายในห้อง? ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงเพื่อออกแบบห้องให้เหมาะสม